วันพุธที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2559

สร้างสรรค์รสชาติกาแฟแก้วโปรดได้เองด้วย “การดริปกาแฟ”





วิธีการชงกาแฟคั่วบด มีมากมายหลายวิธี และด้วยพันธุ์กาแฟที่แตกต่างกันก็จะให้รสชาติของกาแฟที่ออกมาแตกต่างกันด้วย 

มีวิธีการชงกาแฟที่สามารถสร้างสรรค์รสชาติของกาแฟเองได้อย่างการ “ดริปกาแฟ” ที่ปัจจุบันเริ่มเป็นที่นิยมในบ้านเรามากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยขั้นตอนการชง และวัสดุอุปกรณ์ที่ถือว่าง่ายที่สุดในบรรดาวิธีต่างๆ

กาแฟดริป (Drip Coffee) คือกาแฟที่ผ่านการชงแบบอาศัยแรงโน้มถ่วง หรือว่าง่ายๆ คือการกรอง โดยการเทน้ำร้อนผ่านกาแฟคั่วบดที่ใส่อยู่ในกระดาษกรอง (ฟิลเตอร์) ให้น้ำกาแฟค่อยๆ ไหลผ่านวัสดุกรอง (ดริปเปอร์) หยดลงสู่ภาชนะ เป็นการชงกาแฟที่ต้องใช้เวลา และความพิถีพิถันมาก 

แต่ด้วยความช้านี่เองที่เป็นแรงดึงดูดให้การดริปกาแฟเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่น และคนทำงานบ้านเรา โดยวิธีชงนี้จะใช้กันมากในบ้านเรือน

โดยทั่วไปแล้วการชงกาแฟคั่วบดจะใช้เครื่องชงเอสเพรสโซเป็นส่วนใหญ่ ที่ใช้แรงดันน้ำสกัดกาแฟ โดยใช้เวลาประมาณ 30 วินาทีก็สามารถดื่มได้แล้ว 

ต่างจากการดริป ที่ต้องใช้เวลาประมาณ 3-4 นาทีในการสกัดน้ำกาแฟ จุดนี้จึงเป็นเสน่ห์ของกาแฟดริป ประจวบควบคู่กับไลฟ์สไตล์ สโลวไลฟ์ ที่ยังแพร่หลายอยู่ในบ้านเราตอนนี้อีกด้วย

อีกหนึ่งเสน่ห์ของการดริปคือ อุปกรณ์การชงอย่างฟิลเตอร์ หรือดริปเปอร์ ที่มีรูปแบบน่าชม และหาซื้อได้ทั่วไปในตอนนี้ โดยฟิลเตอร์จะมี 2 ประเภท คือแบบกระดาษ และถาวร สามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม  ทำให้ปัจจุบันมีนักดื่มกาแฟใช้วิธีการดริปกาแฟดื่มกันเองมากขึ้น 

ซึ่งการดริปกาแฟในแต่ละครั้ง แม้จะเป็นเมล็ดพันธุ์เดียวกัน ก็จะได้รสชาติที่ออกมาแตกต่างกัน เงื่อนไขของรสชาติกาแฟมาจากหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิในการชง อัตราการชง การคั้นน้ำกาแฟ ความหยาบและละเอียดของกาแฟคั่วบด รวมถึงดริปเปอร์ จึงต้องหมั่นฝึกฝน ลองผิดลองถูกให้เป็นประจำ

 การชงกาแฟดริปให้กาแฟถูกปาก ต้องเริ่มจาก 1.มีกาแฟที่ดี 2.ต้องมีความรู้พื้นฐาน เช่น กาแฟที่เลือกใช้ เหมาะกับน้ำอุณหภูมิเท่าไหร่ ควรบดหยาบหรือละเอียด ซึ่งควรจะรู้ และ3. เข้าใจได้ว่าปัจจัยพวกนี้จะให้รสชาติกาแฟออกมาอย่างไร ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลาฝึกฝนเรียนรู้ ลองผิดลองถูก เดี๋ยวก็จะรู้เอง


“การชงกาแฟแบบดริปเหมาะกับคนไทย เพราะไลฟ์สไตล์ของคนไทย คือการอยู่กับครอบครัวเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งการชงกาแฟแบบดริปก็มีขั้นตอนการชงที่ง่าย ใช้อุปกรณ์ไม่กี่ชิ้น หาซื้อง่าย อีกทั้งวัฒนธรรมการกินกาแฟที่เริ่มพัฒนา คนไทยเริ่มมีความรู้เรื่องกาแฟมากขึ้น”

ตอนนี้ร้านกาแฟเริ่มนำเอาวิธีการชงต่างๆ มาเป็นจุดขาย เพราะคนที่เข้าร้านกาแฟในปัจจุบันมีความแตกต่างจากเมื่อก่อน คือ มีการ “เสพ” เสพบรรยากาศร้าน เสพขั้นตอนการชงกาแฟของร้าน ซึ่งวิธีการดริป สามารถตอบโจทย์นี้ได้

การดริปกาแฟจึงน่าจะเป็นวิธีการชงที่เหมาะสำหรับนักดื่มกาแฟทุกคน ที่จะสามารถสร้างสรรค์กาแฟแก้วละมุนของตัวเองได้ไม่ยาก เพียงใช้ความอดทน และช่างสังเกต หากใครฝึกจนได้สูตรเด็ดของตัวเอง ก็อาจนำมาเป็นช่องทางหาเงินได้อีกด้วย อีกทั้งตอนนี้ยังมีกาแฟดริปแบบสำเร็จสามารถชงได้ในแก้วจำหน่ายแล้วด้วย.


หากใครสนใจทดลอง หรือต้องการชง กาแฟดริป ด้วยตัวเองที่บ้าน โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ สามารถสั่งกาแฟดริปสำเร็จรูปพร้อมชงได้ที่ Home Drip Coffee ติดต่อ www.facebook.com/homedripcoffee

วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2559

"เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า" พวกเราต้องการการสนับสนุน!





การรักษาผืนป่าของประเทศไทย 
ยังคงเป็นหน้าที่ ที่ทางกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช  ให้ความสำคัญ เนื่องจากในปัจจุบันยังถูกคุกคามจากกลุ่มผู้หาประโยชน์ จากทรัพยากรธรรมชาติ อย่างการลักลอบตัดไม้พะยูง การล่าสัตว์ป่า การบุกรุกพื้นที่ป่าอนุรักษ์

จึงจำเป็นที่จะต้องใช้กำลังจากเหล่าเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า ซึ่งปัจจุบันมี 20,940 คนทั่วประเทศ ทั้งลูกจ้างประจำ พนักงานราชการ และพนักงานจ้างเหมา ปฏิบัติหน้าที่หลักในการป้องกัน ปราบปราม และลาดตระเวนในพื้นที่คุ้มครองจำนวน 73 ล้านไร่ ที่เป็นเขตอุทยานแห่งชาติทั้งทางบก และทะเล เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และเขตห้ามล่าสัตว์ป่า

"ซึ่งในแต่ละปีมีเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าได้รับบาดเจ็บ ทุพพลภาพ และเสียชีวิต 

จากการปฏิบัติหน้าที่ป้องผืนป่าไทย"

โดยตั้งแต่ปี 2557 – ปัจจุบัน กรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้ให้ความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าที่ประสบภัยจากการปฏิบัติหน้าที่ไปแล้ 223 คน รวมจำนวนเงิน 4,594,483 บาท จากกองทุนพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 กองทุนสงเคราะห์ผู้ประสบภยันตรายในการปฏิบัติหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกองทุนสวัสดิการกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม กรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้จัดงาน วันเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าโลกประจำปี 2559 ซึ่งจัดขึ้นทุกวันที่ 31 กรกฎาคมของทุกปี ที่ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี โดยมี พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เป็นประธาน  เพื่อยกย่อง และให้เกียรติเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าที่ทำหน้าที่รักษาป่าไม้ทรัพยากรธรรมชาติ และสัตว์ป่า 

ภายในงานยังมีการ มอบโล่เกียรติคุณเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าดีเด่น การมอบเงินให้แก่ญาติเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าที่เสียชีวิต และบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ และสร้างความภาคภูมิใจให้กับเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า ที่ได้อุทิศตนในการปฏิบัติหน้าที่ปกป้องรักษาป่า

หนึ่งในผู้ได้รับโล่เกียรติคุณอย่างนายศิวณัฐ สี่เหรียญน้อย ผู้ช่วยหัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าพันท้ายนรสิงห์ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 บ้านโป่ง บอกว่า การที่ได้เข้าทำงานรักษาป่ามากว่า 20 ปี โดยการทำหน้าที่หน่วยลาดตระเวนเมื่อช่วง 10 ปีแรกของการ
ทำงาน ทำให้รู้ว่าป่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก ส่วนสัตว์เป็นตัวส่งเสริมให้ป่า และเกิดระบบนิเวศน์ที่สมบูรณ์ 

เพราะฉะนั้นสองสิ่งนี้ต้องอยู่ร่วมกัน 

แต่มีผู้คนนำต้นไม้ และล่าสัตว์ ไปใช้ประโยชน์กันอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ป่าเกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก จึงต้องมีเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า ทำหน้าที่ดั่งคนเฝ้าบ้าน ซึ่งหากแบ่งสัดส่วนในตอนนี้แล้ว เจ้าหน้าที่ 1 คน จะดูแลป่ามากถึง 4,440 ไร่ ซึ่งถือเป็นการยากที่จะดูแลได้ทั่วถึง 


ถึงอย่างไรศิวณัฐ ก็ยังยืนยันด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า เขาและเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าทุกคนทั่วประเทศ จะยัคงงมุ่งมั่นปกป้องผืนป่าไทยเพื่อให้คงอยู่กับประเทศ และเพื่อลูกหลานในวันข้างหน้าต่อไป

การทำงานของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าลาดตระเวนจะต้องเดินเท้าเข้าไปสำรวจพื้นที่รับผิดชอบ จะมีทั้งการลาดตระเวนแบบไปเช้าเย็นกลับ หรือค้างคืน ในบางภารกิจอาจต้องค้างคืนในป่ายาวถึง 1 สัปดาห์ จึงทำให้มีความเสี่ยงอยู่มากมาย เช่น อุบัติเหตุ โดนสัตว์ทำร้าย หรือการปะทะกับกลุ่มผู้ลักลอบ ซึ่งในปีที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าเสียชีวิตจำนวน 10 ราย จากช้างป่าจำนวน 5 นาย และจากการปะทะกันในระหว่างปฏิบัติงานทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 นาย

โดยได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินเดือน 9,000 บาท ในขณะที่สวัสดิการมีเพียงบ้านพักในพื้นที่ และจากสหกรณ์ออมทรัพย์กรมป่าไม้ เรื่องการเพิ่มเงินเดือน และสวัสดิการ จึงเป็นข้อเรียกร้องหลักสำหรับเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า เพื่อให้มีกำลังใจในการปฏิบัติงานมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม รมว.ทส. ได้เผยภายหลังการเป็นประธาน ว่า เจ้าหน้าที่ในประเทศที่ทำงานอย่างเสียสละนี้ยังมีอีกมาก ไม่ใช่เฉพาะเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า หากการเพิ่มจำนวนคน และค่าตอบแทน คิดว่าจะไม่นำไปสู่ความสำเร็จได้ เพราะจำนวนป่าที่มีอยู่กับจำนวนคนที่มีอยู่หารเท่าไรก็ไม่เพียงพอ จะเพิ่มอีกกี่เท่าตัวก็ไม่พอ สิ่งที่ควรทำมากกว่าคือ การเพิ่มคุณภาพ ประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานมากกว่า

จึงทำให้ความหวังเรื่องการเพิ่มค่าตอบแทน หรือสวัสดิการ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ยังมีความช่วยเหลือจาก มูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มูลนิธิสืบนาคะเสถียร (กองทุนเพื่อผู้พิทักษ์ป่า) และภาคเอกชน ที่ยังให้การสนับสนุนเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า 

หากผู้ใดสนใจจะบริจาคเงินช่วยเหลือสนับสนุนเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า สามารถบริจาคได้ที่กองทุนสวัสดิการกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาบางบัว บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 053-283933-1 สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้